ศัลยกรรมดึงหน้า ทำให้ดูเด็กลงได้จริงหรือ ???
การตัดสินใจใช้บริการเสริมความงามกับทางโรงพยาบาล หรือคลีนิกความงาม แน่นอนเป้าหมายหลักๆ ก็เพื่อทำให้ใบหน้าสวย ดูดีขึ้น และดูอ่อนเยาว์กว่าวัย
เทรนด์ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมตอนนี้คือการทำศัลยกรรมดึงหน้า ซึ่งเห็นผลได้ชัดเจนและถาวรกว่าวิธีอื่นๆ หากแต่ขึ้นชื่อว่าศัลยกรรม อันหมายถึงการผ่านมีดหมอ ก็ทำให้หลายคนชั่งใจระหว่างความสวยกับความเสี่ยง
ที่สำคัญเมื่อทำแล้วผลที่ได้จะเป็นอย่างใจหวัง หรือคำโฆษณาหรือไม่
มาฟังความจริงจาก นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง ผอ.ศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด
ศัลยกรรมดึงหน้า ทำให้ใบหน้าเด็กลงได้จริงหรือ ??
ตามหลักการแพทย์ไม่สามารถบอกตัวเลขที่ชัดเจนได้ว่าการดึงหน้าของแต่ละคนจะสามารถลดอายุลงได้กี่ปี แต่ตามหลักการทั่วไปแล้วถ้าอยากลดอายุได้มากๆ อย่างแรกคือ ก่อนผ่าตัด คนไข้ต้องมีริ้วรอย ความหย่อนคล้อยในเกณฑ์ที่มาก เช่น คนที่ผิวบาง คนใบหน้าแคบๆ และมีริ้วรอยเยอะ ถ้าทำในคนไข้กลุ่มนี้เวลาผ่าตัดดึงหน้าก็จะเปลี่ยนแปลงได้เยอะ จากที่ริ้วรอยที่มีเยอะ ก็จะแก้ไขได้เยอะ เพราะฉะนั้นใบหน้าก็จะดูเด็กลง
แต่ขณะเดียวกันก่อนผ่าตัด ถ้าเป็นคนที่อายุยังน้อยอยู่ เช่น 30 กว่าอยากศัลยกรรมดึงหน้าแล้ว ทำเสร็จคนไข้ก็จะรู้สึกว่าหน้าตึงขึ้นเพราะมีการผ่าตัดไปแล้ว แต่ถามว่าคนทั่วไปดูแล้วจะรู้สึกว่าอายุลดลงไป 10 ปีไหม ก็ไม่ขนาดนั้น ความแตกต่างอาจไม่มาก เพราะว่าก่อนผ่าตัดไม่ได้มีริ้วรอยจำนวนมาก
และทั่วโลกก็ยอมรับว่าการผ่าตัดดึงหน้า ที่เรียกว่า Face Lift เป็นวิธีการที่สามารถลดอายุได้เยอะที่สุดแล้ว
ข้อดีของการผ่าตัดดึงหน้า อย่างแรก 1.เห็นผลถาวร คำว่าผลถาวรคืออยู่เกิน 5 ปี ก็เรียกว่าถาวรแล้ว ดังนั้นวิธีนี้ได้ผลถาวรกว่า 2.สามารถแก้ไขปัญหาหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยที่มีมาก ได้เยอะกว่า เช่น คนไข้ที่อายุ 50 ปี 60 ปี ผิวหย่อนคล้อยหมดแล้ว มีริ้วรอยที่ลึกมาก มีเหนียง การดึงหน้าสามารถเปลี่ยนแปลงได้เยอะและถาวรกว่า แต่ก็ต้องรู้จักวิธีดูแลตัวเองด้วย
ใครบ้างที่เหมาะกับการทำศัลยกรรมดึงหน้า ?
ที่มาปรึกษามักจะมีอยู่ 2 กลุ่มหลักๆ กลุ่มแรก คือคนที่มีปัญหาจริงๆ หมายความว่าใบหน้าดูมีอายุมากกว่าวัย เช่น คนไข้อายุแค่ 30 ปี แต่ผิวหนังหย่อนคล้อยมาก มีริ้วรอยมากเหมือนคนอายุ 50 ปี การทำศัลยกรรมดึงหน้าก็ถือเป็นการรักษาทางการแพทย์ เมื่อศัลยกรรมดึงหน้าให้กลับมาสมวัยเขาก็ใช้ชีวิตได้ดีขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น สามารถเข้าสังคมได้ดีขึ้น เป็นกลุ่มที่มีปัญหาจริงๆ ทำเพื่อการรักษา
อีกกลุ่มคือ เป็นคนไข้ที่เหมือนคนทั่วไป ไม่ได้มีปัญหาใบหน้าดูแก่กว่าวัย แต่อยากให้ใบหน้าเด็กกว่าวัย ซึ่งมีจำนวนมากเหมือนกัน หมอก็ต้องพูดคุยก่อนว่าทำไมถึงอยากหน้าเด็กลง อยากหน้าเด็กลงกี่ปี
โดยทั่วไปหมอจะไม่แนะนำให้ทำเยอะๆ เช่นคนไข้อายุ 60 ปี แต่อยากให้หน้าเด็กเหมือนคน 30 ปี 40 ปี
แม้ตามหลักการแพทย์ ทางการผ่าตัดทำได้ แต่หมอจะไม่แนะนำเพราะถ้าอายุน้อยเกินกว่าความเป็นจริง อย่างแรกคือสุขภาพร่างกายไม่เหมือนคนอายุน้อย ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนแต่ละช่วงอายุก็ไม่เหมือนกัน ก็จะเกิดปัญหาตามมามาก ดังนั้นในคนไข้กลุ่มที่ไม่ได้มีปัญหาจริงๆ แต่ต้องการหน้าเด็กลง หมอก็ต้องพูดคุยก่อนว่าจะทำอย่างไร
การผ่าตัดดึงหน้าต้องทำทั้งหน้า หรือเรียกว่ายกทั้งหน้าเลยหรือไม่?
สิ่งสำคัญที่สุดของการทำศัลยกรรมทุกประเภทคือปลอดภัย แล้วก็พอดี คำว่าพอดีคือไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป ยกตัวอย่างเช่นการทำศัลยกรรมดึงหน้า ถ้าทำมากเกินไปคืออยากให้ตึงมากๆ อยากให้ริ้วรอยหายไปหมด ก็มีข้อเสียอย่างแรกคือดูไม่ธรรมชาติ หน้าจะดูแข็งๆ ดูหลอก การแสดงสีหน้าไม่ดูเป็นธรรมชาติ ภาษาแพทย์เรียกว่า mask face การขยับกล้ามเนื้อขยับมากไม่ได้เพราะตึงมาก หรือบางคนเรียกว่าเป็นหน้าหลอน ซึ่งเกิดจากความไม่พอดี
การทำมากเกินไป เช่น ร่องแก้ม บางคนอยากให้หมอดึงจนไม่มีร่องแก้มเลย ตามหลักการแพทย์ทำได้แต่ไม่ควรทำเพราะมันดึงจนตึงเกินไป หน้าก็จะแข็ง ดูหลอก ที่สำคัญร่องแก้มเป็นจุดเกาะของกล้ามเนื้อในการยิ้ม การพูด แสดงสีหน้า ถ้าร่องแก้มหายไปเวลาแสดงสีหน้า ไม่ว่าจะยิ้ม พูดก็ดูไม่ธรรมชาติ
เพราะฉะนั้นการทำศัลยกรรมที่ดี อย่างแรกคือทำให้ปลอดภัย อันที่สองคือพยายามทำให้พอดี ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป การทำศัยกรรมที่ดี จริงๆแล้วเราควรทำให้น้อยมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ยิ่งทำได้น้อยยิ่งปลอดภัย ยิ่งทำได้น้อยและตรงปัญหายิ่งได้ผลลัพธ์ที่ดี
การดึงหน้าบางคนคิดว่าจะทำทั้งทีต้องทำทั้งหน้า ทั้งคอ จริงๆไม่ใช่ ใบหน้าคนเราแบ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนแรกคือบริเวณหน้าผากด้านบน สำหรับคนที่มีริ้วรอยที่หน้าผาก เวลาขมวดคิ้วมีร่องระหว่างคิ้ว ก็ต้องดึงหน้าผาก
ต่อมาคือใบหน้าด้านบน บริเวณหางตา หางคิ้ว จะเรียกว่าการดึงหน้าส่วนบน ต่อมาคือส่วนล่าง การดึงหน้าส่วนนี้จะแก้บริเวณร่องเเก้ม ร่องน้ำหมาก เหนียงที่คาง สุดท้ายคือที่คอ คนไข้แต่ละคนไม่จำเป็นต้องทำทั้งหน้า ต้องอาศัยการตรวจวิเคราะห์ก่อน หมอจะแนะนำตามความเป็นจริงว่าส่วนไหนที่จำเป็นต้องทำ ส่วนไหนที่ยังไม่จำเป็นก็ยังไม่ทำ เลือกทำเฉพาะส่วนที่มีปัญหาจริงๆ
ผ่าตัดดึงหน้าควรทำตั้งแต่อายุเท่าไหร่ดี ??
อายุเป็นแค่ตัวเลข ไม่จำกัดว่าอายุเท่าไหร่ควรดึงหน้า ขึ้นอยู่กับ 1.สภาพผิว ความหย่อนคล้อยและริ้วรอยต่างๆ เช่น บางคนอายุ 30 อยู่ต่างประเทศ โดนแดดโดนลมเยอะๆ มีริ้วรอยเยอะ ใบหน้าบาง ผิวบางหย่อนคล้อยมากก็เหมาะสมที่จะทำ
แต่ถ้าเกิดริ้วรอยไม่มากก็ยังไม่เหมาะสม หมอจะแนะนำว่าลองไปทำวิธีอื่นที่ไม่ต้องผ่าตัดก่อนไหม เช่น อายุ 30 ริ้วรอยนิดเดียว ลองโบท็อก หรือร้อยไหมดูก่อนไหม เมื่ออายุมากขึ้นผิวหย่อนคล้อยมากจริงๆ วิธีเหล่านั้นใช้ไม่ได้ผลแล้ว ค่อยแนะนำให้ผ่าตัด หมอจะแนะนำตามแต่สภาพของแต่ละคน
กลุ่มเสี่ยงที่ไม่ควรผ่าตัดดึงหน้า ??
ส่วนมากคนที่มาปรึกษาเพื่อทำศัลยกรรมดึงหน้าจะเป็นคนไข้ที่อายุมาก เพราะฉะนั้นกลุ่มคนที่อายุมากสิ่งสำคัญคือ เรื่องของโรคประจำตัว ต้องบอกหมอว่าเรามีโรคประจำตัวอะไร โรคประจำตัวบางอย่างรักษาหายได้ก็ควรรักษาให้หายก่อน เพราะการทำศัลยกรรมความงามไม่ใช่เรื่องรีบด่วน ถ้ารักษาโรคอะไรที่หายได้ก็รักษาให้หายก่อน
โรคบางอย่างรักษาไม่หาย เช่นเป็นโรคเรื้อรัง เป็นโรคความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ ก็ควรบอกแพทย์และทานยาให้อยู่ในเกณฑ์ปกติก่อน
นวัตกรรมผ่าตัดดึงหน้าด้วยเทคนิคบางมด
สมัยนี้เทคโนโลยีการแพทย์พัฒนาไปมาก มีเทคนิคใหม่ๆ ขึ้นมา การทำศัลยกรรมดึงหน้าจึงไม่ยากเหมือนเมื่อก่อน เทคนิคใหม่ที่เราพัฒนาขึ้นมา อย่างแรกคือ ทำให้มันเป็นเรื่องง่าย จากที่ต้องดมยาสลบก็เปลี่ยนมาเป็นการฉีดยาชา การฉีดยาชาสำหรับผู้ป่วยที่มีอายุมากถือว่าปลอดภัยกว่า ไม่มีผลแทรกซ้อนจากการดมยาสลบ
การผ่าตัดที่ต้องใช้เวลาครึ่งวัน ก็พัฒนาเทคนิคทำให้เร็วขึ้น สามารถผ่าตัดเสร็จภายใน 2-3 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นการบวมช้ำ การพักฟื้นก็น้อยลง โดยเฉลี่ย 2-3 วันก็ยุบบวมแล้ว 1-2 อาทิตย์ก็เริ่มเข้าที่
นอกจากนี้ การผ่าตัดดึงหน้าสมัยก่อนจะดึงแค่ชั้นผิว ใบหน้าคนเรามีอยู่ 5 ชั้น ชั้นผิวหนัง ชั้นใต้ผิวหนัง ชั้นกล้ามเนื้อ ชั้นใต้กล้ามเนื้อ และชั้นเยื้อหุ้มกระดูก สมัยก่อนเทคนิคผ่าตัดจะดึงแค่ 2 ชั้นแรก ซึ่งทำได้ง่าย รวดเร็ว แต่ข้อเสียคืออยู่ไม่นาน บางที 3-4 ปี ก็ตกแล้ว และไม่ธรรมชาติ
เทคนิคที่เราพัฒนาขึ้นใหม่จะดึงในชั้นลึกด้วย ภาษาเเพทย์เรียกว่าชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) คือชั้นที่ 3 ด้วย เพราะฉะนั้นผลที่ได้จะยาวนานมากขึ้น ใบหน้าดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
บทสัมภาษณ์ นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง รพ.บางมด ในรายการ "ข่าวสดบิวตี้"
“มั่นใจยิ่งกว่า ที่โรงพยาบาลบางมด”
ปรึกษาปัญหาความงามเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2867-0606 ต่อ 1200 , 084-456-7777 , 063-770-0968 , 062-257-5499
http://bangmodaesthetic.com/home
Facebook : www.facebook.com/Bangmodaestheticcenter
LINE ID : @bangmod
Instagram : bangmodaesthetic
YouTube : http://www.youtube.com/user/bangmodhos
การตัดสินใจใช้บริการเสริมความงามกับทางโรงพยาบาล หรือคลีนิกความงาม แน่นอนเป้าหมายหลักๆ ก็เพื่อทำให้ใบหน้าสวย ดูดีขึ้น และดูอ่อนเยาว์กว่าวัย
เทรนด์ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมตอนนี้คือการทำศัลยกรรมดึงหน้า ซึ่งเห็นผลได้ชัดเจนและถาวรกว่าวิธีอื่นๆ หากแต่ขึ้นชื่อว่าศัลยกรรม อันหมายถึงการผ่านมีดหมอ ก็ทำให้หลายคนชั่งใจระหว่างความสวยกับความเสี่ยง
ที่สำคัญเมื่อทำแล้วผลที่ได้จะเป็นอย่างใจหวัง หรือคำโฆษณาหรือไม่
มาฟังความจริงจาก นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง ผอ.ศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด
ศัลยกรรมดึงหน้า ทำให้ใบหน้าเด็กลงได้จริงหรือ ??
ตามหลักการแพทย์ไม่สามารถบอกตัวเลขที่ชัดเจนได้ว่าการดึงหน้าของแต่ละคนจะสามารถลดอายุลงได้กี่ปี แต่ตามหลักการทั่วไปแล้วถ้าอยากลดอายุได้มากๆ อย่างแรกคือ ก่อนผ่าตัด คนไข้ต้องมีริ้วรอย ความหย่อนคล้อยในเกณฑ์ที่มาก เช่น คนที่ผิวบาง คนใบหน้าแคบๆ และมีริ้วรอยเยอะ ถ้าทำในคนไข้กลุ่มนี้เวลาผ่าตัดดึงหน้าก็จะเปลี่ยนแปลงได้เยอะ จากที่ริ้วรอยที่มีเยอะ ก็จะแก้ไขได้เยอะ เพราะฉะนั้นใบหน้าก็จะดูเด็กลง
แต่ขณะเดียวกันก่อนผ่าตัด ถ้าเป็นคนที่อายุยังน้อยอยู่ เช่น 30 กว่าอยากศัลยกรรมดึงหน้าแล้ว ทำเสร็จคนไข้ก็จะรู้สึกว่าหน้าตึงขึ้นเพราะมีการผ่าตัดไปแล้ว แต่ถามว่าคนทั่วไปดูแล้วจะรู้สึกว่าอายุลดลงไป 10 ปีไหม ก็ไม่ขนาดนั้น ความแตกต่างอาจไม่มาก เพราะว่าก่อนผ่าตัดไม่ได้มีริ้วรอยจำนวนมาก
และทั่วโลกก็ยอมรับว่าการผ่าตัดดึงหน้า ที่เรียกว่า Face Lift เป็นวิธีการที่สามารถลดอายุได้เยอะที่สุดแล้ว
ข้อดีของการผ่าตัดดึงหน้า อย่างแรก 1.เห็นผลถาวร คำว่าผลถาวรคืออยู่เกิน 5 ปี ก็เรียกว่าถาวรแล้ว ดังนั้นวิธีนี้ได้ผลถาวรกว่า 2.สามารถแก้ไขปัญหาหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยที่มีมาก ได้เยอะกว่า เช่น คนไข้ที่อายุ 50 ปี 60 ปี ผิวหย่อนคล้อยหมดแล้ว มีริ้วรอยที่ลึกมาก มีเหนียง การดึงหน้าสามารถเปลี่ยนแปลงได้เยอะและถาวรกว่า แต่ก็ต้องรู้จักวิธีดูแลตัวเองด้วย
ใครบ้างที่เหมาะกับการทำศัลยกรรมดึงหน้า ?
ที่มาปรึกษามักจะมีอยู่ 2 กลุ่มหลักๆ กลุ่มแรก คือคนที่มีปัญหาจริงๆ หมายความว่าใบหน้าดูมีอายุมากกว่าวัย เช่น คนไข้อายุแค่ 30 ปี แต่ผิวหนังหย่อนคล้อยมาก มีริ้วรอยมากเหมือนคนอายุ 50 ปี การทำศัลยกรรมดึงหน้าก็ถือเป็นการรักษาทางการแพทย์ เมื่อศัลยกรรมดึงหน้าให้กลับมาสมวัยเขาก็ใช้ชีวิตได้ดีขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น สามารถเข้าสังคมได้ดีขึ้น เป็นกลุ่มที่มีปัญหาจริงๆ ทำเพื่อการรักษา
อีกกลุ่มคือ เป็นคนไข้ที่เหมือนคนทั่วไป ไม่ได้มีปัญหาใบหน้าดูแก่กว่าวัย แต่อยากให้ใบหน้าเด็กกว่าวัย ซึ่งมีจำนวนมากเหมือนกัน หมอก็ต้องพูดคุยก่อนว่าทำไมถึงอยากหน้าเด็กลง อยากหน้าเด็กลงกี่ปี
โดยทั่วไปหมอจะไม่แนะนำให้ทำเยอะๆ เช่นคนไข้อายุ 60 ปี แต่อยากให้หน้าเด็กเหมือนคน 30 ปี 40 ปี
แม้ตามหลักการแพทย์ ทางการผ่าตัดทำได้ แต่หมอจะไม่แนะนำเพราะถ้าอายุน้อยเกินกว่าความเป็นจริง อย่างแรกคือสุขภาพร่างกายไม่เหมือนคนอายุน้อย ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนแต่ละช่วงอายุก็ไม่เหมือนกัน ก็จะเกิดปัญหาตามมามาก ดังนั้นในคนไข้กลุ่มที่ไม่ได้มีปัญหาจริงๆ แต่ต้องการหน้าเด็กลง หมอก็ต้องพูดคุยก่อนว่าจะทำอย่างไร
การผ่าตัดดึงหน้าต้องทำทั้งหน้า หรือเรียกว่ายกทั้งหน้าเลยหรือไม่?
สิ่งสำคัญที่สุดของการทำศัลยกรรมทุกประเภทคือปลอดภัย แล้วก็พอดี คำว่าพอดีคือไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป ยกตัวอย่างเช่นการทำศัลยกรรมดึงหน้า ถ้าทำมากเกินไปคืออยากให้ตึงมากๆ อยากให้ริ้วรอยหายไปหมด ก็มีข้อเสียอย่างแรกคือดูไม่ธรรมชาติ หน้าจะดูแข็งๆ ดูหลอก การแสดงสีหน้าไม่ดูเป็นธรรมชาติ ภาษาแพทย์เรียกว่า mask face การขยับกล้ามเนื้อขยับมากไม่ได้เพราะตึงมาก หรือบางคนเรียกว่าเป็นหน้าหลอน ซึ่งเกิดจากความไม่พอดี
การทำมากเกินไป เช่น ร่องแก้ม บางคนอยากให้หมอดึงจนไม่มีร่องแก้มเลย ตามหลักการแพทย์ทำได้แต่ไม่ควรทำเพราะมันดึงจนตึงเกินไป หน้าก็จะแข็ง ดูหลอก ที่สำคัญร่องแก้มเป็นจุดเกาะของกล้ามเนื้อในการยิ้ม การพูด แสดงสีหน้า ถ้าร่องแก้มหายไปเวลาแสดงสีหน้า ไม่ว่าจะยิ้ม พูดก็ดูไม่ธรรมชาติ
เพราะฉะนั้นการทำศัลยกรรมที่ดี อย่างแรกคือทำให้ปลอดภัย อันที่สองคือพยายามทำให้พอดี ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป การทำศัยกรรมที่ดี จริงๆแล้วเราควรทำให้น้อยมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ยิ่งทำได้น้อยยิ่งปลอดภัย ยิ่งทำได้น้อยและตรงปัญหายิ่งได้ผลลัพธ์ที่ดี
การดึงหน้าบางคนคิดว่าจะทำทั้งทีต้องทำทั้งหน้า ทั้งคอ จริงๆไม่ใช่ ใบหน้าคนเราแบ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนแรกคือบริเวณหน้าผากด้านบน สำหรับคนที่มีริ้วรอยที่หน้าผาก เวลาขมวดคิ้วมีร่องระหว่างคิ้ว ก็ต้องดึงหน้าผาก
ต่อมาคือใบหน้าด้านบน บริเวณหางตา หางคิ้ว จะเรียกว่าการดึงหน้าส่วนบน ต่อมาคือส่วนล่าง การดึงหน้าส่วนนี้จะแก้บริเวณร่องเเก้ม ร่องน้ำหมาก เหนียงที่คาง สุดท้ายคือที่คอ คนไข้แต่ละคนไม่จำเป็นต้องทำทั้งหน้า ต้องอาศัยการตรวจวิเคราะห์ก่อน หมอจะแนะนำตามความเป็นจริงว่าส่วนไหนที่จำเป็นต้องทำ ส่วนไหนที่ยังไม่จำเป็นก็ยังไม่ทำ เลือกทำเฉพาะส่วนที่มีปัญหาจริงๆ
ผ่าตัดดึงหน้าควรทำตั้งแต่อายุเท่าไหร่ดี ??
อายุเป็นแค่ตัวเลข ไม่จำกัดว่าอายุเท่าไหร่ควรดึงหน้า ขึ้นอยู่กับ 1.สภาพผิว ความหย่อนคล้อยและริ้วรอยต่างๆ เช่น บางคนอายุ 30 อยู่ต่างประเทศ โดนแดดโดนลมเยอะๆ มีริ้วรอยเยอะ ใบหน้าบาง ผิวบางหย่อนคล้อยมากก็เหมาะสมที่จะทำ
แต่ถ้าเกิดริ้วรอยไม่มากก็ยังไม่เหมาะสม หมอจะแนะนำว่าลองไปทำวิธีอื่นที่ไม่ต้องผ่าตัดก่อนไหม เช่น อายุ 30 ริ้วรอยนิดเดียว ลองโบท็อก หรือร้อยไหมดูก่อนไหม เมื่ออายุมากขึ้นผิวหย่อนคล้อยมากจริงๆ วิธีเหล่านั้นใช้ไม่ได้ผลแล้ว ค่อยแนะนำให้ผ่าตัด หมอจะแนะนำตามแต่สภาพของแต่ละคน
กลุ่มเสี่ยงที่ไม่ควรผ่าตัดดึงหน้า ??
ส่วนมากคนที่มาปรึกษาเพื่อทำศัลยกรรมดึงหน้าจะเป็นคนไข้ที่อายุมาก เพราะฉะนั้นกลุ่มคนที่อายุมากสิ่งสำคัญคือ เรื่องของโรคประจำตัว ต้องบอกหมอว่าเรามีโรคประจำตัวอะไร โรคประจำตัวบางอย่างรักษาหายได้ก็ควรรักษาให้หายก่อน เพราะการทำศัลยกรรมความงามไม่ใช่เรื่องรีบด่วน ถ้ารักษาโรคอะไรที่หายได้ก็รักษาให้หายก่อน
โรคบางอย่างรักษาไม่หาย เช่นเป็นโรคเรื้อรัง เป็นโรคความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ ก็ควรบอกแพทย์และทานยาให้อยู่ในเกณฑ์ปกติก่อน
นวัตกรรมผ่าตัดดึงหน้าด้วยเทคนิคบางมด
สมัยนี้เทคโนโลยีการแพทย์พัฒนาไปมาก มีเทคนิคใหม่ๆ ขึ้นมา การทำศัลยกรรมดึงหน้าจึงไม่ยากเหมือนเมื่อก่อน เทคนิคใหม่ที่เราพัฒนาขึ้นมา อย่างแรกคือ ทำให้มันเป็นเรื่องง่าย จากที่ต้องดมยาสลบก็เปลี่ยนมาเป็นการฉีดยาชา การฉีดยาชาสำหรับผู้ป่วยที่มีอายุมากถือว่าปลอดภัยกว่า ไม่มีผลแทรกซ้อนจากการดมยาสลบ
การผ่าตัดที่ต้องใช้เวลาครึ่งวัน ก็พัฒนาเทคนิคทำให้เร็วขึ้น สามารถผ่าตัดเสร็จภายใน 2-3 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นการบวมช้ำ การพักฟื้นก็น้อยลง โดยเฉลี่ย 2-3 วันก็ยุบบวมแล้ว 1-2 อาทิตย์ก็เริ่มเข้าที่
นอกจากนี้ การผ่าตัดดึงหน้าสมัยก่อนจะดึงแค่ชั้นผิว ใบหน้าคนเรามีอยู่ 5 ชั้น ชั้นผิวหนัง ชั้นใต้ผิวหนัง ชั้นกล้ามเนื้อ ชั้นใต้กล้ามเนื้อ และชั้นเยื้อหุ้มกระดูก สมัยก่อนเทคนิคผ่าตัดจะดึงแค่ 2 ชั้นแรก ซึ่งทำได้ง่าย รวดเร็ว แต่ข้อเสียคืออยู่ไม่นาน บางที 3-4 ปี ก็ตกแล้ว และไม่ธรรมชาติ
เทคนิคที่เราพัฒนาขึ้นใหม่จะดึงในชั้นลึกด้วย ภาษาเเพทย์เรียกว่าชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) คือชั้นที่ 3 ด้วย เพราะฉะนั้นผลที่ได้จะยาวนานมากขึ้น ใบหน้าดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
บทสัมภาษณ์ นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง รพ.บางมด ในรายการ "ข่าวสดบิวตี้"
“มั่นใจยิ่งกว่า ที่โรงพยาบาลบางมด”
ปรึกษาปัญหาความงามเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2867-0606 ต่อ 1200 , 084-456-7777 , 063-770-0968 , 062-257-5499
http://bangmodaesthetic.com/home
Facebook : www.facebook.com/Bangmodaestheticcenter
LINE ID : @bangmod
Instagram : bangmodaesthetic
YouTube : http://www.youtube.com/user/bangmodhos