ทำความรู้จัก PRP ตัวช่วยแก้ผมบาง ใบหน้าอ่อนเยาว์



เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นเซลล์ผิว คอลลาเจน และความยืดหยุ่นของผิวย่อมเกิดการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาและช่วงวัย ทำให้หลายคนมองหาวิธีการชะลอวัยหรือฟื้นฟูผิวที่มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ โดยหนึ่งในวิธีการที่กำลังได้รับความสนใจ โดยเฉพาะในกลุ่มคนดัง ดารา ศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศ คือ การรักษาผิวหน้าโดยใช้ Growth Factor ที่มีอยู่ในร่างกายเรา หรือ PRP นั่นเอง
 

What is PRP? : PRP คืออะไร
“PRP” หรือ Platelet Rich Plasma คือ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเลือดของตัวเราเอง โดยนำมาผ่านกระบวนการปั่นและคัดแยกเอาเฉพาะส่วนประกอบ ได้แก่ น้ำเลือด (Plasma) และเกล็ดเลือด (Platelet) ก่อนจะนำมาฉีดกลับเข้าไปในส่วนที่มีปัญหาของคนไข้ ซึ่งจากความรู้ทางการแพทย์พบว่า ในเกล็ดเลือดมี Growth Factor ซ่อนอยู่ถึง 11 ชนิด

ในช่วงแรก เมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา PRP ได้ถูกนำมาใช้ในแพทย์กลุ่มกระดูก โดยนำ PRP มาใช้กระตุ้นในเคสกล้ามเนื้อฉีกขาด หรือข้อเสื่อมให้หายเร็วขึ้น จนมาในระยะหลัง แพทย์ผิวหนังได้ศึกษาว่า ในกรณีรากผมเสื่อมไป ผิวหนังหย่อนคล้อย ก็สามารถใช้ประโยชน์จาก Growth Factor ในเกล็ดเลือดมากระตุ้นให้กลับมาคืนดีได้

 



Benefit of PRP : ประโยชน์ของ PRP
ประโยชน์หรือจุดเด่นของ PRP ประการแรกมักจะนิยมใช้เพื่อช่วยเรื่องริ้วรอย เนื่องจากคอลลาเจนเกิดการเสื่อม ผิวเริ่มแห้ง หรือเริ่มบาง ซึ่งประโยชน์ของ Growth Factor จะช่วยกระตุ้นให้เซลล์แบ่งตัวมากขึ้น ทำให้ผิวมีความหนาขึ้น อวบอิ่ม ทำให้ริ้วรอยลดลง เพิ่มชั้นใยคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังให้มีความยืดหยุ่น ช่วยให้ผิวฟู รวมทั้ง ช่วยเรื่องรอยดำคล้ำ รอยดำใต้ตา รักษาผิวพรรณให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์

สำหรับใบหน้าบริเวณที่สามารถฉีดได้แก่ บริเวณรอบดวงตา บริเวณที่มีริ้วรอยเล็กๆ ใต้ตา หรือในกรณีใต้ตาคล้ำ การฉีด PRP ให้ผลลัพธ์ค่อนข้างดี แต่หากมีปัญหาในส่วนอื่น เช่น หน้าผากหมองคล้ำ มีริ้วรอย บริเวณขมับเนื้อแห้ง หรือช่วงร่องแก้ม ก็สามารถฉีดได้เหมือนกัน

นอกจากนี้ ในกลุ่มคนที่มีปัญหาผมหลุดร่วง ผมบาง PRP จะช่วยทำให้เส้นผ่าศูนย์กลางของผมอ้วนขึ้น ทำให้ผมหนาขึ้น รากผมที่อยู่ในระยะพักกลับขึ้นมาเป็นระยะงอกมากขึ้น โดยจะต้องฉีดเดือนละ 1 ครั้ง อย่างน้อย 3 ครั้งขึ้นไป เพื่อดูการตอบสนองในช่วงแรก หากพบว่า ผลลัพธ์ตอบสนองดี สามารถปรับมาเป็นการฉีดต่อเนื่องทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อคงผลลัพธ์เอาไว้



How to prepare yourself? : เตรียมตัวอย่างไรก่อนทำ PRP
1. ควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมง
2. ควรดื่มน้ำให้มาก อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
3. งดอาหารเสริม วิตามิน หรือยาในกลุ่มต้านเกล็ดเลือด ประมาณ 1-2 สัปดาห์ หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่จำเป็นต้องทานเป็นประจำ ต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบ
4. ควรงดแอลกอฮอล์ บุหรี่ อย่างน้อยก่อนทำ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ 



What is the PRP process? : ขั้นตอนการทำ PRP ผิวและผม
1. แพทย์จะทำการตรวจวิเคราะห์และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำ PRP ส่วนในการรักษารากผม แพทย์จะประเมินจำนวนครั้งในการรักษาร่วมด้วย
2. พยาบาลจะทำการตรวจเลือดและเจาะเลือด เพื่อนำเลือดมาเข้าสู่กระบวนการผลิต PRP

3. คนไข้ล้างหน้าและทำความสะอาดใบหน้า สำหรับการรักษารากผม ควรสระผมมาก่อนการรักษา หลังจากนั้น พยาบาลจะทายาชารอประมาณ 1 ชม.
4. หลังจากนั้น แพทย์จะทำการฉีด PRP ลงใบหน้าในจุดต่างๆ ที่มีปัญหา แต่สำหรับการรักษาบริเวณรากผม หลังจากยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะฉีดยาชาเพิ่มเติม ก่อนจะจะทำการฉีด PRP เป็นจุดเล็กๆ บริเวณหนังศรีษะ ในความลึก 1 – 1.5 มม. ซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ของสเต็มเซลล์ รากผม โดยจะฉีดกระจายเข้าไปในบริเวณที่มีปัญหา เพื่อให้เกล็ดเลือดปล่อย Growth Factor กระตุ้นสเต็มเซลล์ และผลิตผมออกมา

 



การดูแลตนเองหลังทำ PRP
1. หลังจากทำ PRP สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ โดยบริเวณศีรษะ สามารถสระผมทำความสะอาดได้หลังทำ PRP แล้ว 24 ชม. ส่วนใบหน้า สามารถล้างทำความสะอาดได้ปกติ
2. สำหรับการทำ PRP บริเวณใบหน้า อาจเกิดอาการบวมหลังทำ ประมาณ 1 สัปดาห์
3. ภายหลังการฉีด PRP หากพบอาการผิดปกติ ควรเข้ามาพบแพทย์เพื่อดูอาการ
4. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์



ใครไม่เหมาะจะทำ PRP
PRP เป็นการรักษาเสริมจากการรักษาหลัก ดังนั้น ในกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมถึง ผู้ที่มีร่างกายไม่แข็งแรง ไม่สมบูรณ์ หรือผู้ที่ทานยาต้านเกล็ดเลือด แพทย์ไม่แนะนำให้ทำ PRP เพราะเกล็ดเลือดอาจไม่สมบูรณ์ และเกล็ดเลือดจะไม่สามารถหลั่ง Growth Factor ออกมาได้

 

คุณเอ - อรุณศรี Beauty Blogger Channel






 
ปรึกษาปัญหาเรื่องศัลยกรรมครบวงจรเพิ่มเติมได้ที่ 
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2867-0606 ต่อ 1200 , 084-456-7777 , 063-770-0968 , 062-257-5499
Facebook : www.facebook.com/Bangmodaestheticcenter
LINE ID : @bangmod
Instagram : bangmodaesthetic
YouTube : http://www.youtube.com/user/bangmodhos
เพิ่มเพื่อน