“ฟิลเลอร์” (Filler) คือ สารสกัดจากไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) เป็นสารเติมเต็มผิวที่มีความบริสุทธิ์สูง ลักษณะใส คล้ายเจล มีคุณสมบัติของโมเลกุลที่สามารถดูดซับน้ำได้ถึง 1,000 เท่า ใช้สำหรับเติมเต็มร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า ทดแทนใยคอลลาเจนที่หายไป ทำให้ริ้วรอยบริเวณดังกล่าวตื้นขึ้น สภาพผิวดูดีขึ้น ปรับรูปหน้าให้ใบหน้าดีขึ้น สร้างกรอบหน้าให้ชัด มีมิติดูสมส่วน ยกกระชับร่องแก้ม ให้ใบหน้าเปล่งปลั่ง เเละดูเด็กลง ลดความหมองคล้ำ ลดรอยลึกใต้ตา เติมเติมร่องรอยหลุมสิว หรือหลุมเป็นแผล ทั้งยังช่วยเติมเต็มให้ริมฝีปากอวบอิ่ม ทำให้ใบหน้าดูหวาน มีเสน่ห์ และยาวเรียวขึ้น
 

จุดฉีดฟิลเลอร์ บริเวณใบหน้า ได้แก่
1. หน้าผาก ช่วยเติมเต็มหน้าผากให้นูนสวย
2. ขมับ ช่วยเติมเต็มขมับที่ยุบให้ดูตื้นขึ้น และช่วยยกหางตา
3. แก้ม ช่วยเติมเต็มแก้มที่ตอบให้มีมิติ เพิ่มจุดเด่นบนใบหน้า และช่วยยกกระชับใบหน้า ทำให้ร่องแก้มลดลงใบหน้าดูเรียวขึ้น
4. ใต้ตา ช่วยเติมเต็มใต้ตาให้ดูตื้นขึ้น ดูสดใสลดรอยคล้ำใต้ตาและผิวดูเรียบเนียบมากขึ้น
5. ร่องน้ำหมากและร่องแก้ม ช่วยเติมเต็มร่องลึกให้ดูอ่อนวัย
6. ปาก ช่วยเติมเต็มปากให้ดูอวบอิ่ม
7. คาง ช่วยเติมเต็มปรับรูปคางให้เรียวสวย รับกับส่วนอื่นของใบหน้า
8. กรอบหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวเเละคมชัดมากขึ้น

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ (Filler)
1. แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวให้แพทย์ที่ทำการรักษาทราบก่อน
2. ควรหยุดยาและอาหารเสริม ในกลุ่มที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด 7-14 วัน เช่น Aspirin, Omega-3, Fish Oil, Vitamin E เเละ Ginkgo Biloba
3. เช็ดเครื่องสำอางและล้างหน้าให้สะอาด ในบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
4. สังเกตอาการที่จำเป็นต้องรีบกลับมาพบแพทย์ เช่น อาการเจ็บ บวม สีผิวมีการเปลี่ยนแปลง
5. ลดการนวดเเละขยับใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้มและปากใน 48 ชั่วโมงแรก
6. งดแต่งหน้า 24 ชั่วโมง
7. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
8. หลีกเลี่ยงการนวดหน้า รวมถึงการทำเลเซอร์อย่างน้อย 4 สัปดาห์
9. งดทำฟัน 4 สัปดาห์

ทั้งนี้การเลือกฟิลเลอร์ (Filler) ที่มีความปลอดภัยจะต้องผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา (FDA) และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) จากประเทศไทยเเละทำโดยแพทย์เฉพาะทางด้านตจวิทยา ภายใต้สถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน โดยจะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน สามารถแก้ไขได้ภายหลังการฉีด เกิดผลข้างเคียงน้อย โอกาสแพ้ต่ำ นอกจากนี้แล้วฟิลเลอร์จะต้องไม่เคลื่อนที่ และไม่ก่อให้เกิดผลแทรกซ้อนทางการแพทย์ ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ที่ดีจึงควรได้รับการฉีดในบริเวณที่เหมาะสม และปริมาณที่พอเหมาะตามคำแนะนำของแพทย์