Bangmod Guru EP.19 ตอน เคลียร์ให้ชัด เทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิดและแบบปิด แตกต่างกันอย่างไร ??"
เคลียร์ให้ชัด กับคำถามยอดฮิตของการทำศัลยกรรมจมูกด้วยเทคนิคแบบเปิดและแบบปิดแตกต่างกันอย่างไร และแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง ติดตามหาคำตอบได้ใน Bangmod Guru EP.19 ตอน เคลียร์ให้ชัด เทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิดและแบบปิด แตกต่างกันอย่างไร ??" ถ้าพร้อมแล้วไปเคลียร์พร้อมกันเลย...
( รูปที่ 1 )
การเสริมจมูกโดยทั่วไปเทคนิคการผ่าตัดของแพทย์จะมีอยู่ 2 เทคนิคหลักๆ นั่นคือการผ่าตัดแบบ OPEN กับการผ่าตัดแบบ CLOSED หลายท่านที่ศึกษาข้อมูลด้านการผ่าตัดศัลยกรรมจมูก ( รูปที่ 2 ) คงจะรู้ถึง 2 คำนี้แต่บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจรายละเอียดว่า OPEN กับ CLOSED แบบไหนดีกว่ากัน และเทคนิคการผ่าตัดมีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร ( รูปที่ 3 )
อันดับแลกมารู้กันก่อนว่า OPEN กับ CLOSED คือการผ่าตัดอะไร ( รูปที่ 4 ) คือการผ่าตัดที่เกี่ยวกับจมูกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเสริมจมูก ไม่ว่าจะเป็นการลดขนาดจมูกจากใหญ่ให้เล็ก หรือว่าจะเป็นการตอกกระดูกให้เข้าที่ ทุกอย่างในการผ่าตัดจมูก ศัลยแพทย์จะต้องมี #การเปิดแผลผ่าตัด เพื่อที่จะเข้าไปเห็นโครงสร้างของคนไข้
การเปิดแผลผ่าตัดจะมีอยู่ 2 วิธี ( รูปที่ 5 )
เปิดแผลผ่าตัดแบบ CLOSED หรือว่าการเปิดแผลผ่าตัดแบบ OPEN ข้อแตกต่างของคำว่า CLOSED ก็คือ แปลว่าปิด แปลตรงตัวคือเป็นวิธีผ่าตัดจมูกแบบปิด คำว่าปิดหมายความว่า จะเปิดแผลผ่าตัดเฉพาะในรูจมูก 1-2 ข้าง ศัลยแพทย์บางคนก็เปิดแค่ 1 ข้าง บางคนเปิด 2 ข้าง แต่จะเปิดแผลเฉพาะในรูจมูก เพราะฉะนั้นจะเรียกว่า CLOSED เพราะเป็นการผ่าตัดที่มองไม่เห็นแผลจากภายนอก แผลจะซ้อนอยู่ในรูจมูกทั้งหมดทั้ง 2 ด้านเลย อีกอย่างที่จะเรียกว่า CLOSED Techniques ก็เพราะว่า ศัลยแพทย์จะมองไม่เห็น Structure โดยรวมทั้งหมดจะเห็นแค่คร่าวๆเท่านั้น เป็นเพราะว่าเราไม่ได้เปิดจมูกออกมาทั้งหมด ดังนั้นจึงเรียกว่าเทคนิคแบบปิดคือจะมีการ บลายด์ ( Blind ) เล็กน้อย เพราะฉะนั้นจะต้องใช้ความเชี่ยวชาญของแพทย์ ว่าตำแหน่งของกระดูกอ่อนว่าอยู่ที่บริเวณไหน นี่คือ Techniques CLOSED
ข้อดีก็คือ แผลผ่าตัดเล็ก แทบจะมองไม่เห็นเพาะอยู่ในรูจมูกทั้งหมด ข้อดีอีกอย่างคือ การบวมช้ำน้อย เนื่องจากไม่ได้เปิดเนื้อเยื้อผ่าตัดเยอะ เพราะฉะนั้นการบวมช้ำ การหายก็เร็วขึ้น แต่ข้อเสียของการผ่าตัดแบบ CLOSED ก็คือว่า เมื่อเปิดเฉพาะในรูจมูก ศัลยแพทย์ก็ไม่สามารถเปิดโครงสร้างกระดูกขึ้นมาดูได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นถ้าเกิดการทำผ่าตัดที่ซับซ้อน เช่นว่าต้องการจะเย็บตัวโครงสร้างของกระดูกอ่อน ต้องการที่จะตอกกระดูกเยอะด้วย หรือว่าต้องการที่จะเห็นโครงสร้างที่มันผิดปกติไป Techniques CLOSED จะมองเห็นได้ยากกว่า Techniques OPEN
Techniques OPEN ( รูปที่ 6 ) คำว่า OPEN คือเปิดทั้งหมด เพราะฉะนั้นวิธีผ่าตัดนอกจากจะมีในรูจมูก 2 ข้างแล้ว จะต้องมีแผลผ่าตัดบริเวณปลายจมูกด้วย ตรงกลางของปลายจมูก ภาษาแพทย์เรียกว่า COLUMELLA INCISION เวลาเงยจมูกขึ้นมาดูจะมีสันจมูกตรงกลาง การผ่าแบบ OPEN ก็คือเปิดในรูจมูกด้านหนึ่ง และจะต้องผ่านเนื้อจมูกตรงกลาง จะต้องมีรอยขีดบริเวณตรงกลางด้วย และก็ผ่านรูจมูกข้างหนึ่ง จะสามารถเปิดผิวหนังของจมูกขึ้นมาได้ทั้งหมด จะเห็นโครงสร้างทั้งหมด ( รูปที่ 7 ) ดังนั้นข้อดีของการผ่าตัดแบบ OPEN คือศัลยแพทย์สามารถเห็นโครงสร้างทั้งหมด สามารถปรับแต่งได้ค่อนข้างเยอะ แต่ข้อเสียคือ มีแผลผ่าตัดยาว เห็นได้ชัด คนไข้ทุกคนไม่ว่าจะทำศัลยกรรมแบบไหน ( รูปที่ 8 ) ถ้าเกิดทำแบบ OPEN Techniques เวลาเงยหน้าดูสันจมูกหมอหรือคนทั่วไปก็จะรู้ว่าคนนี้ทำจมูกมา เนื่องจากจะเห็นแผลผ่าตัดช่วงกลาง ซึ่งเป็น MARK ที่ชัดเจน ข้อเสียอีกอย่างก็คือในเมื่อเปิดเยอะทำเยอะ จะทำให้บวมช้ำมาก พักฟื้นนาน ดังนั้นเมื่อ Techniques CLOSED กับ OPEN มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน ดังนั้นทุกๆคนไม่ใช่ไม่มีคนไหนที่เดินเข้ามาแล้ว คนนี้ทำ OPEN ทุกคนทำ OPEN จะดีกว่า CLOSED ไม่ใช่ หรือว่าบางคนคิดว่าทำ CLOSED ดีกว่า OPEN ทั้งหมด ไม่ใช่เลย เพราะฉะนั้น มีข้อดีข้อเสียต่างกัน คนไข้แต่ละคนไม่ได้เหมาะกับเทคนิคที่เหมือนกัน
ยกตัวอย่าง เช่นคนไข้ที่มีความผิดปกติแค่นิดเดียว เช่นว่าปลายจมูกเขาสวยอยู่แล้ว สันจมูกค่อนข้างดีแต่ว่าเตี้ยไปนิดเดียว ต้องการผ่าตัดแค่เสริมซิลิโคนบริเวณสันให้สวย อย่างนี้เหมาะกับ Techniques CLOSED ( รูปที่ 9 ) เพราะว่าแค่เสริมซิลิโคนธรรมดาไม่จำเป็นต้องไปยุ้งกับตัวโครงสร้างกระดูกอ่อน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีแผลผ่าตัดเยอะ ไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดทั้งหมด ไม่จำเป็นที่จะต้องพักฟื้นยาวนาน ในส่วนนี้ Techniques CLOSED เหมาะสมกว่า ในทางกลับกันถ้าคนไข้ที่เคยประสบอุบัติเหตุกระดูกเบี้ยว โครงสร้างกระดูกอ่อนไม่เท่ากัน จำเป็นต้องเย็บโครงสร้างกระดูกอ่อนด้วย จำเป็นต้องตอกกระดูกที่แข็งให้ตรงด้วย จำเป็นต้องทำหลายอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าการทำ CLOSED ไม่สามารถทำได้ในเทคนิคนี้ ( รูปที่ 9 ) คนไข้ต้องทำการผ่าตัดแบบ OPEN เพราะฉะนั้นโดยสรุป ทั้ง Techniques CLOSED และ OPEN มีข้อดีข้อเสียต่างกัน ( รูปที่ 10 ) ดังนั้นหมอไม่อยากให้คนไข้ฟิกไอเดียว่า เราจะต้องทำจมูกแบบ OPEN แน่นอน เพราะว่าการโฆษณาบางทีก็จะพบว่า OPEN ดีกว่าหมด ( รูปที่ 11 ) ซึ่งไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมด ควรตรวจร่างกายโดยละเอียด ดูว่าควรปรับแก้ตรงไหน ( รูปที่ 12 ) ศัลยแพทย์จะให้คำแนะนำที่เหมาะสม ว่าจมูกของเรานั้นเหมาะสำหรับ Techniques CLOSED หรือว่า Techniques OPEN
“มั่นใจยิ่งกว่า ที่โรงพยาบาลบางมด”
ปรึกษาปัญหาความงามเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2867-0606 ต่อ 1200 , 084-456-7777 , 063-770-0968 , 062-257-5499
http://bangmodaesthetic.com/home
Facebook : www.facebook.com/Bangmodaestheticcenter
LINE ID : @bangmod
Instagram : bangmodaesthetic
YouTube : http://www.youtube.com/user/bangmodhos
เคลียร์ให้ชัด กับคำถามยอดฮิตของการทำศัลยกรรมจมูกด้วยเทคนิคแบบเปิดและแบบปิดแตกต่างกันอย่างไร และแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง ติดตามหาคำตอบได้ใน Bangmod Guru EP.19 ตอน เคลียร์ให้ชัด เทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิดและแบบปิด แตกต่างกันอย่างไร ??" ถ้าพร้อมแล้วไปเคลียร์พร้อมกันเลย...
( รูปที่ 1 )
การเสริมจมูกโดยทั่วไปเทคนิคการผ่าตัดของแพทย์จะมีอยู่ 2 เทคนิคหลักๆ นั่นคือการผ่าตัดแบบ OPEN กับการผ่าตัดแบบ CLOSED หลายท่านที่ศึกษาข้อมูลด้านการผ่าตัดศัลยกรรมจมูก ( รูปที่ 2 ) คงจะรู้ถึง 2 คำนี้แต่บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจรายละเอียดว่า OPEN กับ CLOSED แบบไหนดีกว่ากัน และเทคนิคการผ่าตัดมีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร ( รูปที่ 3 )
อันดับแลกมารู้กันก่อนว่า OPEN กับ CLOSED คือการผ่าตัดอะไร ( รูปที่ 4 ) คือการผ่าตัดที่เกี่ยวกับจมูกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเสริมจมูก ไม่ว่าจะเป็นการลดขนาดจมูกจากใหญ่ให้เล็ก หรือว่าจะเป็นการตอกกระดูกให้เข้าที่ ทุกอย่างในการผ่าตัดจมูก ศัลยแพทย์จะต้องมี #การเปิดแผลผ่าตัด เพื่อที่จะเข้าไปเห็นโครงสร้างของคนไข้
การเปิดแผลผ่าตัดจะมีอยู่ 2 วิธี ( รูปที่ 5 )
เปิดแผลผ่าตัดแบบ CLOSED หรือว่าการเปิดแผลผ่าตัดแบบ OPEN ข้อแตกต่างของคำว่า CLOSED ก็คือ แปลว่าปิด แปลตรงตัวคือเป็นวิธีผ่าตัดจมูกแบบปิด คำว่าปิดหมายความว่า จะเปิดแผลผ่าตัดเฉพาะในรูจมูก 1-2 ข้าง ศัลยแพทย์บางคนก็เปิดแค่ 1 ข้าง บางคนเปิด 2 ข้าง แต่จะเปิดแผลเฉพาะในรูจมูก เพราะฉะนั้นจะเรียกว่า CLOSED เพราะเป็นการผ่าตัดที่มองไม่เห็นแผลจากภายนอก แผลจะซ้อนอยู่ในรูจมูกทั้งหมดทั้ง 2 ด้านเลย อีกอย่างที่จะเรียกว่า CLOSED Techniques ก็เพราะว่า ศัลยแพทย์จะมองไม่เห็น Structure โดยรวมทั้งหมดจะเห็นแค่คร่าวๆเท่านั้น เป็นเพราะว่าเราไม่ได้เปิดจมูกออกมาทั้งหมด ดังนั้นจึงเรียกว่าเทคนิคแบบปิดคือจะมีการ บลายด์ ( Blind ) เล็กน้อย เพราะฉะนั้นจะต้องใช้ความเชี่ยวชาญของแพทย์ ว่าตำแหน่งของกระดูกอ่อนว่าอยู่ที่บริเวณไหน นี่คือ Techniques CLOSED
ข้อดีก็คือ แผลผ่าตัดเล็ก แทบจะมองไม่เห็นเพาะอยู่ในรูจมูกทั้งหมด ข้อดีอีกอย่างคือ การบวมช้ำน้อย เนื่องจากไม่ได้เปิดเนื้อเยื้อผ่าตัดเยอะ เพราะฉะนั้นการบวมช้ำ การหายก็เร็วขึ้น แต่ข้อเสียของการผ่าตัดแบบ CLOSED ก็คือว่า เมื่อเปิดเฉพาะในรูจมูก ศัลยแพทย์ก็ไม่สามารถเปิดโครงสร้างกระดูกขึ้นมาดูได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นถ้าเกิดการทำผ่าตัดที่ซับซ้อน เช่นว่าต้องการจะเย็บตัวโครงสร้างของกระดูกอ่อน ต้องการที่จะตอกกระดูกเยอะด้วย หรือว่าต้องการที่จะเห็นโครงสร้างที่มันผิดปกติไป Techniques CLOSED จะมองเห็นได้ยากกว่า Techniques OPEN
Techniques OPEN ( รูปที่ 6 ) คำว่า OPEN คือเปิดทั้งหมด เพราะฉะนั้นวิธีผ่าตัดนอกจากจะมีในรูจมูก 2 ข้างแล้ว จะต้องมีแผลผ่าตัดบริเวณปลายจมูกด้วย ตรงกลางของปลายจมูก ภาษาแพทย์เรียกว่า COLUMELLA INCISION เวลาเงยจมูกขึ้นมาดูจะมีสันจมูกตรงกลาง การผ่าแบบ OPEN ก็คือเปิดในรูจมูกด้านหนึ่ง และจะต้องผ่านเนื้อจมูกตรงกลาง จะต้องมีรอยขีดบริเวณตรงกลางด้วย และก็ผ่านรูจมูกข้างหนึ่ง จะสามารถเปิดผิวหนังของจมูกขึ้นมาได้ทั้งหมด จะเห็นโครงสร้างทั้งหมด ( รูปที่ 7 ) ดังนั้นข้อดีของการผ่าตัดแบบ OPEN คือศัลยแพทย์สามารถเห็นโครงสร้างทั้งหมด สามารถปรับแต่งได้ค่อนข้างเยอะ แต่ข้อเสียคือ มีแผลผ่าตัดยาว เห็นได้ชัด คนไข้ทุกคนไม่ว่าจะทำศัลยกรรมแบบไหน ( รูปที่ 8 ) ถ้าเกิดทำแบบ OPEN Techniques เวลาเงยหน้าดูสันจมูกหมอหรือคนทั่วไปก็จะรู้ว่าคนนี้ทำจมูกมา เนื่องจากจะเห็นแผลผ่าตัดช่วงกลาง ซึ่งเป็น MARK ที่ชัดเจน ข้อเสียอีกอย่างก็คือในเมื่อเปิดเยอะทำเยอะ จะทำให้บวมช้ำมาก พักฟื้นนาน ดังนั้นเมื่อ Techniques CLOSED กับ OPEN มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน ดังนั้นทุกๆคนไม่ใช่ไม่มีคนไหนที่เดินเข้ามาแล้ว คนนี้ทำ OPEN ทุกคนทำ OPEN จะดีกว่า CLOSED ไม่ใช่ หรือว่าบางคนคิดว่าทำ CLOSED ดีกว่า OPEN ทั้งหมด ไม่ใช่เลย เพราะฉะนั้น มีข้อดีข้อเสียต่างกัน คนไข้แต่ละคนไม่ได้เหมาะกับเทคนิคที่เหมือนกัน
ยกตัวอย่าง เช่นคนไข้ที่มีความผิดปกติแค่นิดเดียว เช่นว่าปลายจมูกเขาสวยอยู่แล้ว สันจมูกค่อนข้างดีแต่ว่าเตี้ยไปนิดเดียว ต้องการผ่าตัดแค่เสริมซิลิโคนบริเวณสันให้สวย อย่างนี้เหมาะกับ Techniques CLOSED ( รูปที่ 9 ) เพราะว่าแค่เสริมซิลิโคนธรรมดาไม่จำเป็นต้องไปยุ้งกับตัวโครงสร้างกระดูกอ่อน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีแผลผ่าตัดเยอะ ไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดทั้งหมด ไม่จำเป็นที่จะต้องพักฟื้นยาวนาน ในส่วนนี้ Techniques CLOSED เหมาะสมกว่า ในทางกลับกันถ้าคนไข้ที่เคยประสบอุบัติเหตุกระดูกเบี้ยว โครงสร้างกระดูกอ่อนไม่เท่ากัน จำเป็นต้องเย็บโครงสร้างกระดูกอ่อนด้วย จำเป็นต้องตอกกระดูกที่แข็งให้ตรงด้วย จำเป็นต้องทำหลายอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าการทำ CLOSED ไม่สามารถทำได้ในเทคนิคนี้ ( รูปที่ 9 ) คนไข้ต้องทำการผ่าตัดแบบ OPEN เพราะฉะนั้นโดยสรุป ทั้ง Techniques CLOSED และ OPEN มีข้อดีข้อเสียต่างกัน ( รูปที่ 10 ) ดังนั้นหมอไม่อยากให้คนไข้ฟิกไอเดียว่า เราจะต้องทำจมูกแบบ OPEN แน่นอน เพราะว่าการโฆษณาบางทีก็จะพบว่า OPEN ดีกว่าหมด ( รูปที่ 11 ) ซึ่งไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมด ควรตรวจร่างกายโดยละเอียด ดูว่าควรปรับแก้ตรงไหน ( รูปที่ 12 ) ศัลยแพทย์จะให้คำแนะนำที่เหมาะสม ว่าจมูกของเรานั้นเหมาะสำหรับ Techniques CLOSED หรือว่า Techniques OPEN
“มั่นใจยิ่งกว่า ที่โรงพยาบาลบางมด”
ปรึกษาปัญหาความงามเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2867-0606 ต่อ 1200 , 084-456-7777 , 063-770-0968 , 062-257-5499
http://bangmodaesthetic.com/home
Facebook : www.facebook.com/Bangmodaestheticcenter
LINE ID : @bangmod
Instagram : bangmodaesthetic
YouTube : http://www.youtube.com/user/bangmodhos
