“ศัลย์ไทย” ติด Top 10 โลก ยืนหนึ่งขวัญใจชาวต่างชาติ
ISAPS เปิดสถิติผลการสำรวจความนิยมในการทำศัลยกรรมทั่วโลก ไร้เงาเกาหลี ด้านประเทศไทย ยังติดอันดับ Top 10 ต่อเนื่อง และยังครองแชมป์ประเทศที่มีชาวต่างชาติเข้ามาทำศัลยกรรมมากที่สุดในโลก
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ หรือ ISAPS (International Society of Aesthetic Plastic Surgery) ได้เปิดเผยผลการสำรวจสถิติการศัลยกรรมจากทั่วโลก ประจำปี 2018 โดยพบว่า ในปี 2018 มีจำนวนผู้เข้ารับบริการศัลยกรรมความงามรวมทั้งสิ้นมากกว่า 23 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2017 มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 5.4% ซึ่งประเทศที่มีประชากรทำศัลยกรรม 10 อันดับสูงสุดในโลก อันดับ 1 ยังคงเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา รองลงมาคือบราซิล, แม็กซิโก, เยอรมัน, อินเดีย, อิตาลี, อาร์เจนติน่า, โคลัมเบีย, ออสเตรเลีย และประเทศไทย โดยประเทศบราซิล มีจำนวนผู้เข้ารับการศัลยกรรมมากที่สุดในโลก ราว 1,492,383 คน
ด้านศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับแรกจากคนทั่วโลก ได้แก่ อันดับ 1 ศัลยกรรมเสริมหน้าอก, รองลงมาคือ การดูดไขมัน, ศัลยกรรมตา, ศัลยกรรมตกแต่งหน้าท้อง และศัลยกรรมจมูก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนการเติบโตพบว่า ศัลยกรรมตกแต่งหน้าท้อง และดูดไขมัน มีอัตราการเติบโตที่มีความโดดเด่น และเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าศัลยกรรมอื่นๆ ประมาณ 9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเป็นเทรนด์ศัลยกรรมต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ การศัลยกรรมที่ไม่ใช่การผ่าตัด แต่ได้รับความนิยมอย่าง Botulinum Toxin และ Hyaluronic Acid ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดย Botulinum Toxin มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นประมาณ 17.4% และ Hyaluronic Acid มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นประมาณ 11.6%
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ หรือ ISAPS (International Society of Aesthetic Plastic Surgery) ได้เปิดเผยผลการสำรวจสถิติการศัลยกรรมจากทั่วโลก ประจำปี 2018 โดยพบว่า ในปี 2018 มีจำนวนผู้เข้ารับบริการศัลยกรรมความงามรวมทั้งสิ้นมากกว่า 23 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2017 มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 5.4% ซึ่งประเทศที่มีประชากรทำศัลยกรรม 10 อันดับสูงสุดในโลก อันดับ 1 ยังคงเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา รองลงมาคือบราซิล, แม็กซิโก, เยอรมัน, อินเดีย, อิตาลี, อาร์เจนติน่า, โคลัมเบีย, ออสเตรเลีย และประเทศไทย โดยประเทศบราซิล มีจำนวนผู้เข้ารับการศัลยกรรมมากที่สุดในโลก ราว 1,492,383 คน
ด้านศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับแรกจากคนทั่วโลก ได้แก่ อันดับ 1 ศัลยกรรมเสริมหน้าอก, รองลงมาคือ การดูดไขมัน, ศัลยกรรมตา, ศัลยกรรมตกแต่งหน้าท้อง และศัลยกรรมจมูก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนการเติบโตพบว่า ศัลยกรรมตกแต่งหน้าท้อง และดูดไขมัน มีอัตราการเติบโตที่มีความโดดเด่น และเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าศัลยกรรมอื่นๆ ประมาณ 9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเป็นเทรนด์ศัลยกรรมต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ การศัลยกรรมที่ไม่ใช่การผ่าตัด แต่ได้รับความนิยมอย่าง Botulinum Toxin และ Hyaluronic Acid ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดย Botulinum Toxin มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นประมาณ 17.4% และ Hyaluronic Acid มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นประมาณ 11.6%
เมื่อแยกศัลยกรรมตามเพศ พบว่า ผู้หญิงยังคงให้ความสนใจในการทำศัลยกรรมมากกว่าผู้ชาย โดย 5 ศัลยกรรมยอดฮิตในผู้หญิง ได้แก่ ศัลยกรรมเสริมหน้าอก, การดูดไขมัน, ศัลยกรรมตา, ศัลยกรรมตกแต่งหน้าท้อง และศัลยกรรมยกกระชับหน้าอก ส่วนผู้ชาย 5 ศัลยกรรมยอดฮิต ได้แก่ การลดขนาดหน้าอก (Gynecomastia), การดูดไขมัน, ศัลยกรรมตา, ศัลยกรรมจมูก และศัลยกรรมหู
สำหรับประเทศไทย ในปี 2018 ศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ การศัลยกรรมตา รองลงมาคือ การศัลยกรรมเสริมหน้าอก, ศัลยกรรมจมูก, การดูดไขมัน และการฉีดไขมันเติมเต็มใบหน้า นอกจากนี้ ศัลยแพทย์ไทย ยังได้รับการยอมรับจากชาวต่างชาติ ทำให้ในปี 2018 ประเทศไทย ขึ้นมายืนเป็นเบอร์ 1 ประเทศที่มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเชิง Medical Tourism มากที่สุดในโลก คิดเป็นสัดส่วน 32.4% ซึ่ง 3 ประเทศที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยมากที่สุดคือ ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และจีน
นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรม รพ.บางมด เปิดเผยว่า “แม้จำนวนศัลยแพทย์ไทยที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในปัจจุบัน จะไม่ได้มีจำนวนมากเท่ากับประเทศอื่นๆ แต่เทคนิคและฝีมือของศัลยแพทย์ไทย ก็ได้รับการยอมรับจากชาวต่างชาติมานานนับสิบปี ทั้งในเรื่องการพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ผลลัพธ์ที่มีความเป็นธรรมชาติ ยาวนาน ความบวมช้ำน้อย ทำให้การพักฟื้นใช้เวลาไม่นาน เหมาะสมกับช่วงเวลาการเดินทางเข้ามาในรูปแบบ Medical Tourism
เช่นเดียวกับศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด ได้รับความสนใจจากกลุ่มชาวต่างชาติ และเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยเหตุผลสำคัญคือ ความชำนาญ และชื่อเสียงของศัลยแพทย์ ที่ได้รับการแนะนำแบบปากต่อปาก รวมทั้ง ผลลัพธ์หลังการศัลยกรรม ด้วยเทคนิคบางมด ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะทาง ทำให้แผลเล็ก พักฟื้นน้อย และดูเป็นธรรมชาติ ถือเป็นจุดแข็งที่สามารถตอบโจทย์สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ เพราะใช้ระยะเวลาสั้นๆ เพียง 7 วัน ก็สามารถเดินทางกลับได้
นอกจากนี้ ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการวิเคราะห์ถึงปัญหาแท้จริงก่อนทำการผ่าตัด เพราะในแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน การเข้ามาเพื่อรับการปรึกษาจะทำให้แก้ไขได้อย่างตรงจุด”
“มั่นใจยิ่งกว่า ที่โรงพยาบาลบางมด”
ปรึกษาปัญหาเรื่องศัลยกรรมครบวงจรเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2867-0606 ต่อ 1200 , 084-456-7777 , 063-770-0968 , 062-257-5499
http://bangmodaesthetic.com/home
Facebook : www.facebook.com/Bangmodaestheticcenter
LINE ID : @bangmod
Instagram : bangmodaesthetic
YouTube : http://www.youtube.com/user/bangmodhos